02-056-3333
ศูนย์รักษาโรค> รอบรู้เรื่องตา

ไขข้อข้องใจกับโรคต้อหิน (พญ.หทัยรัตน์ พิพิธวิจิตรกร)

โรคต้อหินสามารถเกิดได้กับทุกคนหรือไม่

โรคต้อหินมีโอกาสเกิดได้กับทุกคนแต่ไม่ใช่โรคที่เกิดกับทุกคน คือ จะมีคนไข้บางคนที่ถูกกำหนดมาโดยยีน โดยโครโมโซม ก็จะมีโอกาสเกิดต้อหินในอนาคตได้ ไม่ได้เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา ยกเว้นว่าจะมีโรคต้อหินบางชนิดที่อาจเกี่ยวกับซื้อยามาใช้เองหรืออุบัติเหตุที่ตา

สาเหตุของต้อหินเกิดจาก

สาเหตุการเกิดต้อหิน จะแบ่งเป็น 3 อย่างหลัก ๆ
1. เกี่ยวกับยีน เกี่ยวกับโครโมโซม คือถูกกำหนดมา โดยยีนโดยโครโมโซมแล้ว
2. เกิดจากปัจจัยภายนอก สำหรับปัจจัยภายนอกอันที่ 1 ก็เกี่ยวกับการใช้ยาบางตัวโดยเฉพาะใช้ยาหยอดกลุ่มพวกสเตียรอยด์เป็นประจำ ซึ่งปกติแล้วยากลุ่มนี้มักจะถูกสั่งโดยแพทย์ แต่ว่าก็จะมีคนไข้บางท่านที่พอใช้ยาแล้วได้ผลก็ไปซื้อยามาหยอดเอง
3. อุบัติเหตุอย่างเช่นมีอะไรมากระแทกที่ตาแรงๆ แล้วก็อันที่ 3 เกี่ยวกับการอักเสบในตา จะมีบางโรคที่มีการอักเสบในตาแล้วก็ทำให้มีต้อหินตามมาได้

ลักษณะของต้อหิน

ลักษณะของต้อหินต้องแจ้งก่อนว่าต้อหินมักจะมีคนไข้หลายๆ คนเลยที่เข้าใจว่ามีหินอยู่ในตา เพราะบางทีรักษาไปตั้งนานแล้ว คนไข้ก็มาถามว่าคุณหมอคะตกลง เมื่อไหร่จะเอาหินออกให้ แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น ต้อหินก็คือการที่คนไข้มีความดันลูกตาขึ้นจนลูกตาเราลูกตาแข็งเหมือนหิน เราก็จะเรียกว่าเป็นต้อหิน

ทำไมความดันลูกตาถึงขึ้นได้

ลูกตาเราจะมีเนื้อเยื่อที่เป็นตัวสร้างน้ำแล้วน้ำก็จะออกมาทางท่อระบายน้ำ ซึ่งโรคต้อหินท่อระบายน้ำบางทีมีการตีบว่ามีม่านตาไปปิดตรงทางระบายน้ำ หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ คือความดันตาเรา ลูกตาเราเหมือนลูกบอล ถ้าเกิดว่าเราอัดลมเข้าไปเยอะๆ แรงดันในตาก็จะสูงขึ้น ก็จะไปกดเส้นประสาทตา ตัวเส้นประสาทตาจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างลูกตากับสมอง ทำให้มีการส่งสัญญาณทำให้เรารับภาพได้
ทีนี้ถ้าเส้นประสาทตาถูกกดด้วยแรงดันตาอยู่นานๆ ก็จะทำให้เส้นประสาทตาโดนทำลายระดับสายตาก็จะแย่ลงๆลักษณะของคนไข้ต้อหิน คือ ภาพจะแคบจากข้างนอกก่อน คือเหมือนกับที่เราเคยมองภาพกว้างๆ ก็จะแคบลงแคบลง เพราะฉะนั้นโรคต้อหินจะน่ากลัวตรงที่ว่า กว่าคนไข้จะรู้สึกตัวก็คือภาพจะต้องแบบแคบมากๆ เล็กมากๆ บางคนจะมาเพราะว่าเดินชนอะไรบ่อยๆ

มองด้วยตาเปล่าสามารถเห็นได้ไหมว่าเป็นต้อหิน

ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คือต้อหินเป็นโรคที่น่ากลัวตรงที่คนไข้หรือแม้แต่คนรอบตัวเองไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็น เพราะไม่มีอาการ จะทราบว่าเป็นเมื่อคนไข้มาตรวจกับจักษุแพทย์ คือจะมีการตรวจวัดความดันตาโดยเครื่องเฉพาะ แล้วคุณหมอส่วนใหญ่ เวลาไปตรวจคุณหมอก็จะส่องดูทางระบายน้ำในตา ทางระบายน้ำในตาเราจะเป็นเนื้อเยื่อ นึกถึงกระชอนที่เวลาเราคั้นน้ำส้มให้ทารกดื่มจะโค้งๆ น้ำก็จะสร้างและซึมออกผ่านตะแกรงอันนี้ เพราะฉะนั้นต้อหินจะเจอในคนอายุเยอะๆ เพราะว่าตะแกรงพอใช้ไปนานๆ ก็จะมีการตีบ

ส่วนมากจะพบในผู้ที่มีอายุเท่าไร

ต้อหินสามารถเจอได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด จนกระทั่งอายุมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในคนอายุเยอะ สาเหตุก็คือเนื่องจากว่าตะแกรงอันนี้พอใช้ไปนานๆ ก็เหมือนกับตะแกรงท่อระบายน้ำของเราก็มีการอุดตัน บางคนใช้ไปจนตลอดชีวิตก็ไม่อุดตัน อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าถูกกำหนดโดยยีน โดยโครโมโซม คือรูตะแกรงของคนที่มีโอกาสจะเป็นต้อหิน จะมีการแคบกว่าปกติอยู่แล้วทีนี้พออายุมากขึ้นมากขึ้น พอมีการอุดตันก็เลยตีบตันไปเลย น้ำในตาก็สร้างตลอดแต่ว่าออกไม่ได้ พอออกไม่ได้ก็คือแรงดันตาก็จะสูง

อาการต้อแบบอื่นๆทำให้เกิดต้อหินได้หรือไม่

หากเป็นต้อเนื้อ ต้อลม จะไม่ทำให้เกิดต้อหิน แต่ว่าจะมีต้อกระจก ต้อกระจกก็คือตัวเลนส์แก้วตามันมีการขุ่นมัว ซึ่งอันนี้จะเจอในทุกคนเป็นขบวนการตามอายุเหมือนผมหงอก ซึ่งต้อกระจกจะมีในกรณีที่ต้อกระจกสุกมากๆ แล้วเลนส์แก้วตาบวม ก็อาจจะดันแล้วทำให้ทางระบายน้ำในตาปิดได้ ก็เกิดต้อหินได้ แต่ว่าในปัจจุบันมีโอกาสเกิดน้อยเพราะส่วนใหญ่ คนไข้พอเริ่มมัวลงนิดนึงก็มักจะไปพบแพทย์อยู่แล้ว

ขั้นตอนของการตรวจต้อหิน

ถ้าในคนทั่วๆไปที่ยังไม่ทราบว่าเป็นต้อหิน รพ.ก็จะวัดสายตา วัดความดันลูกตา แล้วก็ดูทางระบายน้ำในลูกตา แล้วก็ที่สำคัญคือจะส่องไปที่ขั้วประสาทตาซึ่งอยู่ด้านหลัง ถ้าเกิดเป็นต้อหินขั้วประสาทตาจะมีการโดนทำลาย
แต่ว่าในกลุ่มคนที่สงสัยว่าจะเป็นต้อหินหรือว่าเป็นต้อหินแล้ว ปกติแพทย์จะดูลานสายตา การตรวจลานสายตาก็คือการตรวจการทำงานของเส้นประสาทตาจะช่วยในการดูว่าเส้นประสาทตาเราโดนทำลายไปหรือยัง

การรักษาเมื่อตรวจพบว่าเป็นต้อหิน

การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของต้อหิน มีตั้งแต่การใช้ยา การเลเซอร์ และ การผ่าตัด สำหรับต้อหินชนิดมุมเปิดจักษุแพทย์จะใช้ยาเป็นหลัก หลักการก็คือใช้ยาเพื่อดึงความดันลูกตา ให้ลงมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ส่วนการรักษาอีกวิธีคือการเลเซอร์ การเลเซอร์ก็มีทั้งเลเซอร์ในต้อหินชนิดมุมเปิดกับมุมปิด จะได้ผลดีกว่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับชนิด  คือถ้าเป็นต้อหินชนิดมุมปิดการเลเซอร์แพทย์จะเจาะรูที่ม่านตา เพื่อทำให้น้ำ Bypass มาได้ ซึ่งถ้าเป็นต้อหินแบบมุมปิดระยะเรื่มต้น บางครั้งการเลเซอร์สามารถทำให้ต้อหินหายเลย คือคนไข้ไม่ต้องใช้ยาอะไรอีกเลยได้

หากว่าทำการรักษาตามขั้นตอนสามารถรักษาหายหรือไม่

โดยปกติแล้ว กรณีต้อหินชนิดมุมปิดที่สามารถที่จะยิงเลเซอร์แล้วถ้าทางระบายน้ำเปิด ความดันตาลงมา ก็อาจจะไม่ต้องใช้ยาหรือไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไปเลยได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วต้อหินจะคล้ายๆ โรคความดัน คล้ายๆ โรคเบาหวาน คือว่าอาจจะต้องใช้ยาไปตลอด
 
หลักการก็คือว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ความดันตาไม่สูง เพื่อที่สายตาเราก็จะดีอย่างนี้ไปตลอด อันที่ 1 คือถ้าเป็นกลุ่มที่ใช้ยาแล้วได้ผลก็ต้องหยอดยาประจำ เพียงแต่ต้องหยอดทุกวัน หรือว่าถ้ากลุ่มที่ใช้ยาไม่ได้ หรือว่ามีปัญหาเรื่องการใช้ยา หรือว่าใช้ยาเต็มที่แล้วความดันตาก็ยังสูงอยู่ อีกทั้งเรื่องนึงก็คือการผ่าตัด เพื่อเปิดให้น้ำออกจากลูกตาในทางพิเศษ แต่การผ่าตัดเองก็มีความเสี่ยงนิดหน่อย เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เราก็จะไม่ได้เลือกเป็นทางเลือกแรก
 
ส่วนใหญ่คนไข้ต้อหินที่ตาบอดคือเกิดจากที่ไม่รู้ตัวเลย แล้วมารู้ตัวอีกทีคือไม่เห็นไปแล้วแล้วค่อยมารักษา ซึ่งอันนั้นก็คือการรักษาต้อหิน คือเราสามารถพยุงสายตา ตอนที่คนไข้เข้ามาไม่ให้แย่ลงได้ แต่เราไม่สามารถทำให้ตัวเส้นประสาทตาที่เสียไปแล้วกลับคืนมาได้ เพราะฉะนั้นถึงเป็นเหตุที่มีการรณรงค์เพื่อที่จะเราจะได้ตรวจหาคนไข้เจอในระยะเริ่มต้นได้ เพื่อที่จะให้การรักษาไม่ให้สายตามืดบอดไป
เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วคนไข้ต้อหิน ถ้าเกิดว่าได้รับการรักษาแล้วก็ใช้ยาเป็นประจำต่อเนื่อง โอกาสสายตาแย่ลงจะน้อยมาก
 
แนะนำโดยตามหลักการแล้วถ้าเราได้ตรวจตาในทุกอายุ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ก็จะดี แต่ถามว่ากลุ่มเสี่ยงอยู่ในกลุ่มคนที่อายุเยอะ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แล้วทุกกลุ่มอายุที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน เพราะว่าต้อหินสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

ความดันลูกตากับความดันเลือด

ความดันลูกตาขึ้นจะไม่เกี่ยวกับการที่ความความดันเลือดในร่างกายขึ้น คนไข้บางคนจะเข้าใจว่าเป็นความดันโลหิตสูงแล้วจะความดันตาสูงด้วยไม่เกี่ยวกัน กรณีคนไข้ที่มีความดันลูกตาสูง ถ้าเป็นสูงคือต้อหินมันจะมีชนิดนึงคือสูงแบบเฉียบพลัน คือกลุ่มนั้นจะทำให้ปวดตาได้ะ คือจากความดันตาปกติไม่เกิน 21 มิลลิเมตรปรอท ถ้าขึ้นไปประมาณ 40-50 ฉับพลัน ก็จะสูงได้นะคะ แต่จะมีคนไข้กลุ่มใหญ่เลยที่เป็นแบบเรื้อรัง คือความดันตาค่อยๆ ขึ้น จาก 21, 22,  23 ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ กลุ่มนี้เนี่ยจะไม่มีอาการปวด ก็คือจะไม่มีอาการเลย

มีอาหารหรือวิตามินอะไรที่ช่วยบำรุงไหม

โดยปกติโดยส่วนตัวของต้อหินเองมันไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบทำให้เกิดต้อหิน เพราะฉะนั้นพวกวิตามินหรืออาหารเสริมคงจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แนะนำให้คนไข้ทานผักผลไม้ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากอยากบำรุงเรื่องระบบประสาทตา การทานอาหารพวกปลาทะเลน้ำลึกที่หาง่ายในเมืองไทย เช่น ปลาทู ก็จะช่วย เพราะว่าบางครั้งการไปทานวิตามินเยอะๆ โดยที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ วิตามินบางตัวมันสามารถสะสมในร่างกายแล้วทำให้เกิดปัญหาตามมาได้อีก

การป้องกันแบบอื่น

มีต้อหินชนิดหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ การกระแทกที่ตา เพราะฉะนั้นถ้าเกิดชอบเล่นกีฬาที่มีโอกาสที่จะเกิดการกระแทกหรืออุบัติหตุที่ดวงตา อย่างเช่น เทนนิส แบดมินตัน ถ้าจะให้ปลอดภัยก็คือว่าใส่แว่น แว่นนิรภัย ซึ่งเป็นแว่นที่ผลิตจากพลาสติกชนิดพิเศษที่เค้ามีความยืดหยุ่นสูงกว่าแว่นทั่วๆ ไป

อาการของต้อหินเฉียบพลัน

ต้อหินหากเป็นต้อหินเฉียบพลันก็จะมีอาการตาแดง ปวดตา คลื่นไส้อาเจียน ปวดตาบางคนอาจจะไม่ได้ปวดที่ตาโดยตรงอาจจะปวดที่หัว อาการของต้อหินเฉียบพลันก็คือถ้าปวดหัวแล้วจะมีอาการตามัว แล้วส่วนตรงตาขาวจะมีสีแดง เมื่อมองแสงไฟแล้วจะเห็นเป็นรู อันนี้ก็คืออาจจะเป็นอาการของต้อหินเฉียบพลัน

ไมเกรนกับความดันลูกตา

ไมเกรนจะไม่เกี่ยวข้องกับความดันลูกตา แต่เกี่ยวกับต้อหิน จะมีต้อหินกลุ่มหนึ่งที่ความดันลูกตาไม่สูงแต่ลักษณะเส้นประสาทตา เป็นเส้นประสาทตาที่โดนความดันลูกตาสูงกด แต่วัดความดันตาก็จะไม่สูง ซึ่งกลุ่มนี้เชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่มีผล เช่น บางคนเป็นไมเกรนแล้วเส้นเลือดที่วิ่งไปที่เส้นประสาทตา มีการหยุดวิ่งไปชั่วคราว เพราะไมเกรนก็คือเกิดจากการบีบตัวของเส้นเลือดชั่วคราว เส้นประสาทตาก็จะมีภาวะเกิดภาวะขาดเลือดเป็นพักๆ ซึ่งก็พบว่ากลุ่มต้อหินกลุ่มที่ความดันตาไม่สูงมีเกี่ยวข้องกับไมเกรนได้

วิธีการถนอมดวงตาคู่สวยของเราให้เราอยู่กันนาน ๆ

อันที่ 1 ก็คือว่าถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับสายตาโดยเฉพาะสายตามัวลง หรือเห็นจุดดำอะไรผิดปกติก็ควรจะต้องพบจักษุแพทย์ การใส่แว่นกันแดดที่มีกัน UV 100% ก็จะช่วยลดภาวะการเสื่อมเร็วของลูกตาลงได้ เวลาที่เราออกแดด ขับรถ ออกไปเดินกลางถนนที่มีแสงแดด ไปทะเล การใส่แว่นกันแดดที่มี UV 100% ไว้ก็จะช่วย เหมือนกับชะลอการเกิดต้อกระจก ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แล้วก็ควรจะอย่างน้อยตรวจตาปีละ 1 ครั้ง 
บทความโดย : พญ. หทัยรัตน์ พิพิธวิจิตรกร