02-056-3333
ศูนย์รักษาโรค> รอบรู้เรื่องตา

การรักษาต้อกระจก ทางเลือกที่มีในปัจจุบัน

ต้อกระจกเกิดจากการที่ตาเสื่อมสภาพตามวัย ทำให้เลนส์ตาเริ่มขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจน พบบ่อยโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ อาการตาต้อกระจกส่งผลให้การมองเห็นลดลง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก การรักษาต้อกระจกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

การรักษาต้อกระจกแบบดั้งเดิม

หนึ่งในวิธีการรักษาต้อกระจกที่ใช้กันมาอย่างยาวนานคือ การผ่าตัดต้อกระจกแบบดั้งเดิม จักษุแพทย์จะเปิดแผลตามแนวรอยต่อระหว่างกระจกตาดำ และผนังตาขาวบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มม.เพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก เหลือเพียงเปลือกหุ้มเลนส์ด้านหลังไว้เป็นถุง แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงนี้ หลังจากนั้นจึงเย็บปิดแผล

การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ หรือ เฟโค

อีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ การรักษาต้อกระจกวิธีสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เฟโค (Phacoemulsification) เป็นการสลายต้อด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ เป็นวิธีล่าสุดที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในปัจจุบัน จักษุแพทย์จะเปิดช่องเล็กๆ ที่ผนังตาขาวประมาณ 3 มม. เพื่อสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก และปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์หรือคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าสลายและขจัดต้อกระจกจนหมด เหลือไว้แต่เปลือกหลังของเลนส์แก้วตาเพื่อเป็นถุงรองรับเลนส์แก้วตาเทียม จากนั้นจึงใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงนี้ เนื่องจากแผลที่เกิดจากการรักษาด้วยวิธีนี้มีขนาดเล็กมาก จึงสมานตัวเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเย็บแผล ภายหลังการสลายต้อกระจก ผู้ป่วยจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในทันที และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาโรคต้อกระจกด้วยวิธีนี้ได้

การใช้เลนส์แก้วตาเทียม

เลนส์แก้วตาเทียม เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาต้อกระจก ปัจจุบันมีเลนส์แก้วตาเทียมหลายประเภทให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพสายตาของผู้ป่วย เช่น เลนส์แก้วตาเทียมชนิดระยะเดียวที่ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในระยะใดระยะหนึ่ง หรือเลนส์แก้วตาเทียมชนิดหลายระยะที่ช่วยในการมองเห็นทั้งระยะใกล้และไกล ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของตน

การดูแลหลังการรักษา

การดูแลตัวเองหลังการรักษาโรคต้อกระจกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์การรักษา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การใช้ยาหยอดตาตามกำหนด การหลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือกดดวงตา และการสวมแว่นกันแดดเมื่อออกนอกบ้าน นอกจากนี้ ควรงดกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงกระแทกที่ตาตามที่จักษุแพทย์สั่ง การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนและทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น ส่งผลให้การมองเห็นหลังการรักษาดีขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ

โรคต้อกระจกรักษาได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ หรือการเลือกใช้เลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสม การเลือกวิธี รักษา ต้อกระจก ควรพิจารณาจากสภาพร่างกายและความต้องการของผู้ป่วยเอง ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาอาการต้อกระจก และคืนความชัดเจนในการมองเห็นให้กลับมาเหมือนเดิม

หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพตา อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคต้อหินได้ที่นี่