02-056-3333
ศูนย์รักษาโรค> รอบรู้เรื่องตา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคตาในเด็กและการดูแล

สุขภาพตาของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองควรใส่ใจ เนื่องจากดวงตาเป็นประสาทสัมผัสหลักที่มีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก การมองเห็นที่ชัดเจนช่วยให้เด็กเรียนรู้และสำรวจโลกได้อย่างเต็มที่ การตรวจพบและรักษาปัญหาสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันปัญหาสายตาที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาและการเรียนรู้ของเด็กในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคตาในเด็ก

ภาวะตาขี้เกียจคืออะไร?

ภาวะตาขี้เกียจ (Amblyopia) คือ สภาวะที่การมองเห็นของดวงตาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างไม่พัฒนาตามปกติ ทำให้ดวงตาข้างนั้นมีการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่วัยเด็ก อาจทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นในระยะยาว สาเหตุที่พบบ่อยของภาวะตาขี้เกียจในเด็ก คือ ภาวะตาเขหรือเด็กตาเหล่(Strabismus) การมีความผิดปกติของสายตา เช่น สายตาสั้นหรือยาวมากในข้างหนึ่ง และความผิดปกติของดวงตา เช่น ต้อกระจกในเด็ก

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสายตาขี้เกียจมีอะไรบ้าง?

สาเหตุหลักของการเกิดภาวะตาขี้เกียจมีอยู่สามประเภท ได้แก่:

  • ภาวะตาเขหรือตาเหล่ (Strabismic Amblyopia) การที่ดวงตาทั้งสองไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ ทำให้สมองมองข้ามภาพจากตาข้างหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเห็นภาพซ้อน นำไปสู่การเกิดภาวะตาขี้เกียจ

  • ภาวะสายตาผิดปกติ (Refractive Amblyopia) เกิดจากความผิดปกติของสายตาที่แตกต่างกันระหว่างตาทั้งสองข้าง เช่น สายตาสั้นหรือยาวมากในข้างเดียว ทำให้สมองเลือกใช้ภาพจากตาข้างที่มีความชัดเจนมากกว่า

  • ปัญหาในตาข้างใดข้างหนึ่ง เช่น หนังตาตกมากจนปิดตาข้างหนึ่ง ฯลฯ ทำให้เด็กใช้แต่ตาข้างที่ดี ทำให้ตาอีกข้างหนึ่งเป็นตาขี้เกียจได้

จะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติกับสายตาของลูกได้อย่างไร?

ผู้ปกครองสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของโรคตาเด็กได้จากอาการบางอย่าง เช่น การที่ลูกมีปัญหาในการมองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้หรือไกลเกินไป การหยีตาเมื่อมอง การเอียงศีรษะหรือตะแคงศีรษะเวลามองสิ่งของ หรือการที่ตาลูกมีการเบนไปในทิศทางที่ไม่ปกติ หากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบและรับการรักษาที่เหมาะสม

โรคตาในเด็กที่พบได้มากในเด็กมีอะไรบ้าง?

โรคตาที่พบได้บ่อยในเด็ก ได้แก่:

  • ภาวะตาขี้เกียจ (Amblyopia) หรือโรคตาขี้เกียจในเด็กที่ได้กล่าวถึงข้างต้น

  • ภาวะตาเขหรือตาเหล่ในเด็ก (Strabismus) เกิดจากการที่ดวงตาทั้งสองไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้

  • ภาวะสายตาผิดปกติ (Refractive Errors) เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ซึ่งสามารถส่งผลต่อการมองเห็นของเด็กและการเรียนรู้

วิธีการดูแลสุขภาพตาในเด็กมีอะไรบ้าง?

  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ

คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กไปตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคตาในเด็กต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนที่ดวงตาของเด็กมีการใช้งานอย่างหนัก

  • ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพตา

ให้เด็กมีเวลาพักสายตาหลังจากการใช้สายตาเป็นเวลานาน โดยการมองไกลๆ ประมาณ 20 ฟุตทุกๆ 20 นาที และการหมั่นกระพริบตาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา

  • เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพตา

ควรให้เด็กบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพตา เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ที่มีวิตามินเอ วิตามินซี และโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยในการพัฒนาการของดวงตา

  • ปกป้องดวงตา

ควรให้เด็กใส่แว่นตาป้องกันในกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดบาดเจ็บที่ตา เช่น การเล่นกีฬา และหลีกเลี่ยงการใช้ของเล่นที่มีปลายแหลม

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

สร้างสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน เพื่อป้องกันโรคตาในเด็ก และการใช้สายตามากเกินไป

การดูแลสุขภาพตาของเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก หากคุณสังเกตเห็นอาการผิดปกติใดๆ เกี่ยวกับสายตาของลูก ควรรีบพาลูกไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาตาเด็กอย่างทันท่วงที