02-056-3333
บริการสำหรับผู้ป่วย> ร้านมุมมอง แว่นตาและคอนแทคเลนส์> เกร็ดความรู้

โรคตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์

โรคตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีปัจจุบัน คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลในการดำรงชีวิตอย่างมากและกลายเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่สิ่งที่ตามมาคือ ดวงตาต้องทำงานหนักมากขึ้น ระยะเวลายาวนานขึ้น ทำให้เกิดภาวะสายตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์ หรือ Computer Vision Syndrome (CVS) คือ อาการที่จ้องอยู่หน้าจอมือถือ, แทบเล็ต หรือ หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาล้า  จนไม่สามารถเพ่งหน้าจอซึ่งอยู่ในระยะใกล้ได้อีกต่อไป
 
อาการ
 
·      อาการทั่วไป คือ ปวดศีรษะ,  เมื่อยตา, เมื่อยคอ, ตาแห้ง, ไม่สบายตา, เห็นภาพซ้อน, เวียนศีรษะ
·      สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการนี้มากขึ้น คือ การอยุ่ในสิ่งแวดแวดล้อมที่มีแสงน้อยเกินไป หรือ มากเกินไป หรือ มีลมโกรกตาตลอดเวลา อาทิเช่น นั่งอยู่หน้าพัดลม 
 
จากการศึกษาในประเทศมาเลเซีย พบว่า นักศึกษา 795 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 25 ปี แสดงอาการสายตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์จำนวนถึง 89.9% นับว่าเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน
 
สาเหตุ          เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน คือ
 
1.     สิ่งแวดล้อม
 
สิ่งแวดล้อม หมายถึง สภาวะความสว่างของแสงที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป  ทิศทางและมุมเอียงของแสงของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มากระทบกับตาเพราะอาจจะทำให้เกิดแสงสะท้อน (glare) ควรปรับหน้าจอให้มีความชัดสูงสุดโดยที่ไม่ให้มีแสงสะท้อนที่มากเกินไป
 
“ท่านั่ง” ที่ถูกสุขลักษณะ ควรทำให้กระดูกสันหลังตั้งตรง จากเอวไปจนถึงศีรษะ การนั่งหลังค่อมทำให้ปวดหลังและคอ  สิ่งแวดล้อมที่สำคัญอีกอย่าง คือ ทิศทางของลมที่โกรกผ่านตาระหว่างการทำงานกับคอมพิวเตอร์ ถ้าลมโกรกมากจะเกิดอาการตาแห้งได้
 
2.     ระยะเวลา
 
ระยะเวลาที่ใช้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ หากใช้ระยะเวลานานๆจะทำให้เกิดอาการสายตาล้าเพลีย จึงควรจะหยุดพักด้วยการหลับตา หรือ มองไปไกลๆ ประมาณ 15-20 วินาที หลังจากทำงานต่อเนื่องมาประมาณ 20 นาที อาการนี้ไม่ได้เกิดจากแสงที่ผิดปกติของจอคอมพิวเตอร์ แต่เกิดจากการเพ่งจ้องที่หน้าจอนานๆโดยไม่กระพริบตา ดังนั้นการกระพริบตาบ่อยๆ ช่วยลดอาการอ่อนล้าลงได้
 
3.     ระยะห่าง
 
ระยะห่างตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ คือ การที่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ไปโฟกัสที่จอประสาทตาของเราพอดี เพราะฉะนั้นระยะห่างจากคอมพิวเตอร์ถึงตาจะต้องประสานกับสายตาของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่เหมือนกัน จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
 
4.     ความผิดปกติของตาและสายตา

ความผิดปกติของตาและสายตาเป็นสาเหตุสำคัญของอาการตาล้าเพลีย จึงควรได้รับการตรวจตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ทุกปี ความผิดปกติของตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม , ต้อกระจก หรือ ต้อหิน ทำให้เกิดอาการตาเพลียล้าได้ อาการที่พบบ่อยคือ ตาแห้ง ซึ่งอาจใช้น้ำตาเทียม วันละ 3- 4 ครั้งจะช่วยลดอาการตาแห้งลง และควรไปตรวจตากับจักษุแพทย์ เพื่อวินิจฉัยทำการรักษาให้ถูกต้อง น้ำตาเทียมจะไม่มีผลเสียต่อสุขภาพตาแม้จะใช้เป็นเวลานาน
 
สายตาผิดปกติ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 
·      กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 40 ปี 
·      กลุ่มคนอายุมากกว่า 40 ขึ้นไป 
 
ซึ่งจะมีอาการสายตายาวร่วมอยู่ด้วยในคนทั้งสองกลุ่ม สายตาผิดปกติ หมายถึง สายตาสั้น, สายตายาว หรือ สายตาเอียง ตั้งแต่กำเนิด ทั้งหมดส่งผลให้การโฟกัสแสงและภาพไม่ชัดเจนจึงต้องการแก้ไขโดยใช้แว่นตา, คอนแทคเลนส์ หรือ การรักษาด้วยการผ่าตัดที่กระจกตาด้วยวิธีต่างๆ 
 
การวัดสายตา ความแม่นยำของการวัดสายตาของเป็นสิ่งสำคัญที่จะแก้ไขอาการเหล่านี้  นักทัศนมาตรหรือจักษุแพทย์เท่านั้นที่มีความสามารสพิเศษด้านนี้ การอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์วัดสายตามีความแม่นยำประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 
 
ในกลุ่มที่อายุมากกว่า 40 ปีนอกจากสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียงตามธรรมชาติแล้ว ยังมีสายตายาวสูงอายุเพิ่มขึ้นมาอีก อาจจะแก้ไขด้วยการใช้แว่น 2 ชนิด คือ แว่นมองไกล และ แว่นมองใกล้ หรือ แว่นตาที่มองได้ทุกระยะอยู่ในเลนส์เดียวกัน เรียกว่า “แว่นตาโปรเกรสซีฟ” สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับแว่นโปรเกรสซีฟ คือ การมองระยะใกล้จะต้องมองผ่านโซนด้านล่างของเลนส์แว่นตา ดังนั้นจึงต้องปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ค่อนไปอยู่ด้านล่างของสายตา และควรมีระยะห่างของจอคอมพิวเตอร์จากตาตรงกับระยะโฟกัสของแว่นโปรเกรสซีฟพอดี ก็จะสามารถทำให้ท่านทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานมากเกินไป
 
การเลือกทรงแว่นตา แว่นตาที่มีขนาดพอดีกับใบหน้าจะทำให้สวมใส่สบาย ควรเลือกร้านที่พนักงานขายมีความรู้สามารถแนะนำแว่นตาที่เหมาะสมกับรูปหน้าและการใช้งาน  พร้อมทั้งช่างที่มีความรู้เรื่องการประกอบแว่นตาแว่นตา เข้าใจลักษณะกายภาพของรูปหน้าสามารถวางตำแหน่งศูนย์ของเลนส์แว่นตามาตรงกับศูนย์ของตาได้พอดี ทำให้เกิดความสบายขณะสวมใส่แว่นตา ลดอาการเมื่อยล้าลง การวางตำแหน่งศูนย์เลนส์สำคัญที่สุดในการประกอบแว่นตาโปรเกรสซีฟ การเลือกร้านแว่นตาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาโรคตาเพลียล้า 
 
โรงพยาบาลจักษุรัตนิน มีประสบการณ์ในการรักษาด้านสายตามายาวนาน และมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ โดยให้ความสำคัญใส่ใจในการดูแลอาการสายตาเพลียล้าจากคอมพิวเตอร์มาตลอด  หากท่านพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ประสิทธิภาพการทำงานของท่านลดลง ไม่ควรจะนิ่งนอนใจควรปรึกษาจักษุแพทย์โดยเร็วเพื่อรักษาตั้งแต่เนิ่นๆและป้องกันอาการรุนแรงขึ้น ไม่ให้เกิดการลุกลามของโรคจนสายเกินแก้
 
 
ด้วยความปรารถนาดีและขอบคุณความรู้เรื่องตาโดย นายแพทย์นพรัตน์ สุจริตจันทร์